ชีวิตของผม กับ โหราศาสตร์ ตอนที่ 7: การเป็นนักพยากรณ์ วันที่ 30/10/2017 12:48:41 PM ,ผู้เข้าชม : 2222
การเป็นนักพยากรณ์
โดย อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย
ตุลาคม 2560
เมื่อตอนที่ 5 ผมได้เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นเป็นนักพยากรณ์ ก่อนเป็นผู้สอนโหราศาสตร์ ในตอนนี้จะเล่าเรื่องการเป็นนักพยากรณ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้เป็นแนวทาง (หากอยากเดินตามทางแบบผม)
มีคำพูดของอาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ ที่ดังก้องหูของผมมาจนทุกวันนี้ “การเป็นนักพยากรณ์ ห้ามเดาเอาเอง นักพยากรณ์จะต้องอ่านเฉพาะสิ่งที่ดาวบอก แต่ไม่ต้องบอกทุกอย่างที่ดาวบอก” แล้วอาจารย์ก็อธิบายให้ฟังเอาไว้ว่า การเป็นนักพยากรณ์นั้นไม่ใช่หมอดู ที่เค้าเรียกกันว่า “หมอดูคู่กับหมอเดา” การเป็นนักพยากรณ์จะต้องใช้การพยากรณ์เท่านั้น คือ ต้องอ่านสิ่งที่ปรากฏในดวงชะตาถึงชะตาชีวิตของเขา และไม่จำเป็นต้องบอกเขาทุกเรื่อง ถ้าเรื่องนั้นจะทำให้เกิดความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ และอย่าพูดในสิ่งที่เขาไม่ได้ถาม
การเป็นนักพยากรณ์ดวงชะตา จะมีคำบอกจากหมอดูเก่าๆพูดถึงข้อห้ามหลายข้อ ซึ่งผมได้รับฟังมาคงไม่ครบถ้วนทุกข้อ เพราะ อาจารย์ประยูร ไม่เคยพูดถึงข้อห้ามใดๆนอกจากคำสอนที่กล่าวไว้ข้างบน
ห้ามทายว่าลูกคนไหนดีกว่ากัน การห้ามในข้อนี้ เป็นเพราะคนที่มาถามจะเกิดความลำเอียงแก่ลูกๆทันที แม้ว่าเขาจะคาดคั้งเพียงใดก็ห้ามพูด เพราะ คำพูดของหมอดู เหมือน “ยาสั่ง” ที่จะก้องหูพ่อแม่ และจะลำเอียงไม่รักลูกคนที่ถูกหมอดูบอกว่า “ไม่ดี” เข้าจะกลายเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และจะขาดความรัก ความอบอุ่น ทำให้กลายเป็นเด็กมีปัญหา พ่อแม่ก็จะไปเอาใจกับลูกคนที่หมอดูบอกว่า “ดี” จนกลายเป็น “ลูกเทวดา” ไม่มีการดุ ว่าสั่งสอนใดๆ และสุดท้าย ครอบครัวนี้ก็จะไม่เหลือ ลู”กที่ดีเลยสักคน”
ห้ามทายว่าตายเมื่อไหร่ ยิ่งลูกค้าที่คิดมาก และอยู่ระหว่างกำลังเจ็บป่วย จะทำให้ให้หมดกำลังใจ นับวันเวลาว่าชีวิตเหลืออีกกี่วันก็จะตาย “ในทันทีที่หมอดูพูดจบ”
2 ข้อนี้ คือเรื่องที่ผมไม่ทายอย่างเด็ดขาด ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมจะอ่านชีวิตให้ฟังตามหลักการดูดวงชะตาที่อาจารย์สอนเอาไว้ตามลำดับ คือ อ่านพื้นดวงชะตาว่า เขาเป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะอย่างไร เหมาะกับการทำงานในบักษณะใดบ้าง การใช้ชีวิตเป็นอย่างไร เรื่องอื่นๆ เช่น จะมีคู่มั้ย มีเมื่อไหร่ โดยหลักการแล้วในเบื้องต้นก็จะดูกว้างๆ ว่า เขามีคู่จะเป็นลักษณะอย่างไร แต่ถ้าถามว่า “จะรวยมั้ย” ซึ่งเป็นคำถามยอดฮิต ที่จะติดปากผู้คน ผมจะไม่พูดถึงความรวย หรือไม่รวย เพราะ ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวว่า “เท่าไหร่คือรวย” ความรวย คือความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ซึ่งในดวงชะตาของแต่ละคน จะบอกถึงวิธีการคิดของแต่ละคนว่า โลภ หรือไม่ เป็นคนประเภท “วัตถุนิยม หรือสุขนิยม” หรือ เป็นคนที่มีชีวิตพอเพียง ดังนั้น ผมจะให้คาถาความรวยให้แก่ลูกค้าที่ถามว่าเมื่อไหร่รวยว่า “พ พาน และ อ อ่าง”
ลูกค้าบางรายพอดูดวงให้ก็จะร้องเรียนเรื่องชีวิตของเขากับผม ว่า ทำไมเขาไม่เป็นอย่างคนอื่นๆ ทำไมไม่รวย ทำไมชีวิตต้องลำบาก สารพัดข้อร้องเรียน แล้วผมจะเปลี่ยนชีวิตให้เขาได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนเกิดมานั้น ดวงชะตาขอบเขตของดวงชะตามาแล้วทุกคนว่า แต่ละคนจะมีอายุยืนยาวเท่าไหร่ จะลำบากมากน้อยแค่ไหน และอื่นๆ พอผมอธิบายเรื่องเหล่านี้เสร็จก็จะมีคำถามต่อมาอีกว่า “มีทางแก้มั้ย” ชีวิตของคนเรานั้น ไม่ใช่กระดาษและยางลบ ที่จะแก้ไขได้ด้วยการ “สะเดาะเคราะห์” เช่น การปล่อนนก ปล่อยปลา ปล่อยหอย ปล่อยเต่า ซึ่งเป็นคติความเชื่อที่ติดค้างในความคิดของสังคมไทย
การศึกษาโหราศาสตร์ที่แท้จริงก็เหมือนการศึกษาธรรมะ ธรรมะ ก็คือการศึกษารู้ความเป็นไปตามธรรมชาติ ดวงชะตาของทุกคน มีดวงดาวเท่ากัน แต่ความสัมพันธ์ของดวงดาวของแต่ละคนให้อิทธิพลต่อชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนดีในเรื่องหนึ่ง แต่อาจจะไม่ดีในอีกเรื่องหนึ่ง บางคนเราเห็นแล้วจะคิดว่า คนนี้โชคดีจังเลย เกิดมามีความสุขทุกสิ่งอย่าง แต่คนภายนอกไม่รู้หรอกว่า ทุกชีวิตเกิดมาล้วนมีปัญหาของตนเองทั้งสิ้น สมตามคำที่ว่า “สิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็น เพราะ สิ่งที่เป็นเราอาจจะมองไม่เห็น” ภายนอกที่ดูว่าเขาดีทุกอย่าง แต่ภายในตัวเขาอาจจะมีสารพัดโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้าเขาอยู่ตลอดเวลา เขามีเงินทองมากมายก็เพื่อใช้จ่ายเพื่อการรักษาร่างกายจากโรคภัยไข้เจ็บ
การแก้ดวง มักมีคนถามว่า แล้วโหราศาสตร์ยูเรเนียนมีการแก้ดวงได้มั้ย คำตอบก็คือ การแก้ดวง คือการปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามดาว เพราะดาวทุกดวงมีทั้งดี และไม่ดี ไม่มีดาวดวงใดดีหรือร้ายเพียงอย่างเดียว เช่นดาวเสาร์ ที่หมอดูจะพูดถึงเรื่องน่ากลัวว่า ทำให้พลัดพราก เสียของรัก ในความหมายของดาวเสาร์ คือการพลัดพราก ถ้าคนเราไม่ต้องพลัดพรากกันเลย สามีกับภรรยา ก็ต้องทำงานอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ซึ่งในโลกความเป็นจริง บางครอบครัวใช้ชีวิตที่อยู่ห่างกันอย่างมีความสุข มากกว่าการใช้ชีวิตเห็นหน้ากันทุกวัน หรือหากกลัวการพลัดพรากก็จะไม่ส่งลูกหลานไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ไปทำงานต่างถิ่นต่างแดน ดังนั้น เมื่อดาวเสาร์เข้ามาทำอิทธิพลกับดวงชะตาของผู้ใหญ่ในบ้าน อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ลูกหลานกำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หรืออาจจะมีใครในบ้านต้องย้ายที่ทำงาน หรือแค่ย้ายที่อยู่ก็ได้ ดวงชะตาของคนเรา ถ้าจะถึงเวลาที่จะต้องตาย จะต้องพิจารณาองค์ประกอบในดวงชะตามากมาย เช่น เขาป่วยมั้ย ป่วยมากมั้ย เขาจะประสพอุบัติเหตุมั้ย คนเราจะตายต้องมีสาเหตุ คนเราถ้าไม่ถึงเวลาตายไม่ตายง่ายๆหรอก ทุกคนที่เสียชีวิตนั้น ล้วนถูกกำหนดมาแล้วทั้งสิ้น
“ทุกชีวิตเกิดมา ล้วนมี 1 ชาติเท่ากัน แต่ 1 ชาติของแต่ละคน นานไม่เท่ากัน” |