โดย พัลลาส pallas@horauranian.com
สิงหาคม 2555
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีหนังไทยจากค่าย GTH เรื่องหนึ่งเข้าฉาย ชื่อเรื่องว่า รัก 7 ปี ดี 7 หน มีคำโปรยหน้าหนังว่า ทุกๆ 7 ปี ความรักมักมีการเปลี่ยนแปลง นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังหลายคน เช่น คุณสู่ขวัญ บูลกุล, นิชคุณ หรเวชกุล แห่งวง 2PM ฯลฯ พอเข้าไปอ่านคำโฆษณาของหนัง เขาบอกว่า
ว่ากันว่าชีวิตคนเรานั้นโคจรไปด้วยการกำกับของดวงดาว โดยมีดาวมฤตยูซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงคอยกำหนด ดาวมฤตยูนี้จะย้ายเปลี่ยนราศีไปในทุก 7 ปี สังเกตกันดี ๆ จะเห็นว่า ชีวิตคนเราจึงพบปะความพลิกผันครั้งใหญ่ในทุก 7 ปีเช่นกัน จากวัยเด็กเมื่อ 7 ขวบสู่ 14 เมื่อแรกรุ่น ก้าวขึ้นเป็นหนุ่มสาวย่าง 21 กระโดดเข้าสู่โลกของการงานและสร้างครอบครัวเมื่อครบ 28 มีลูกตอน 35 เจ็บป่วยยามใกล้ 42 พลัดพรากและจากลาในช่วงอายุ 49, 56, 63 หลังจากนั้นคือการขยับเข้าใกล้ความตายในปั้นปลาย และเมื่อชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง แล้วความรักจะคงอยู่ได้อย่างไร
ผมเองนึกชื่นชมผู้สร้างหนังเรื่องนี้ว่าได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับวงรอบดวงดาวและนำมาทำเป็นภาพยนต์ได้น่าสนใจ แต่ในฐานะโหรคนหนึ่ง อยากอธิบายเพิ่มเติมให้คนทั่วไปได้ทราบว่า คำโฆษณาดังกล่าวยังให้ความหมายทางโหราศาสตร์ได้ไม่ครบถ้วน เพราะพูดถึงดาวมฤตยูหรือดาวยูเรนัส ที่มีวงรอบโคจรรอบจักรราศีรอบละ 84 ปี เมื่อหารด้วย 12 ก็จะได้ว่า โคจรในแต่ละราศีนาน 7 ปี แต่ดาวมฤตยูนั้นมีความหมายทางโหราศาสตร์ว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน นวัตกรรม และการถอดรื้อของเก่า แต่หนังเรื่องนี้เน้นเรื่องวงรอบ 7 ปีกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ซึ่งในทางโหราศาสตร์แล้ว เราควรศึกษาจากวงรอบดาวเสาร์เพราะมีความหมายตรงตัวกับพล็อตหนังเรื่องนี้มากกว่า
ดาวเสาร์ คือดาวเคราะห์ดวงที่ 6 ในระบบสุริยะ เป็นดาวเคราะห์ที่ไกลที่สุดที่มนุษย์มองเห็นด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องใช้กล้องดูดาว ด้วยเหตุนี้ โหรโบราณจึงให้ความหมายของดาวเสาร์ว่า ขอบเขต ข้อจำกัดต่างๆ แปลต่อไปได้อีกว่า ภาระหน้าที่ ความเป็นผู้ใหญ่ ความชรา และที่สำคัญคือ หมายถึง การเปลี่ยนแปลง โหราศาสตร์ยุคโบราณกำหนดให้ดาวเสาร์เป็นประธานดาวฝ่ายบาปเคราะห์ เมื่อดาวเสาร์โคจรมาทับตำแหน่งสำคัญในดวงชะตา จึงแปลความหมายในทางร้ายมากกว่าดี
วงรอบการโคจรดวงดาวเป็นเคล็ดลับการพยากรณ์ที่สำคัญในโหราศาสตร์ เพราะเมื่อดาวโคจรครบรอบจักรราศีหรือแม้แต่ทำมุมสำคัญต่างๆกับตำแหน่งเดิม ก็จะแสดงอิทธิพลตามธรรมชาติของดาวดวงนั้น ดาวเสาร์นั้นใช้เวลาโคจรรอบจักรราศีราวๆ 29 ปี เมื่อหารด้วย 4 จะเท่ากับ 7 ปีเศษ หมายความว่า ทุกๆ7 ปี ดาวเสาร์จะทำมุมฉาก (90 องศา), เล็ง (180 องศา), ฉาก (270 องศา) และกลับมาทำมุมกุม (0 องศา) กับตำแหน่งดาวเสาร์เมื่อเราเกิด
นั่นหมายความว่า ทุกๆ 7 ปีของชีวิต ดาวเสาร์จะแสดงอิทธิพลออกมาต่อชีวิตแต่ละคน ในเมื่อดาวเสาร์หมายถึง ข้อจำกัด ขอบเขต ภาระหน้าที่ ความเป็นผู้ใหญ่ ความชรา และการเปลี่ยนแปลง อิทธิพลที่แสดงออกมาจึงอยู่ในรูปของการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ซึ่งก็ตรงกับคำโปรยของหนังเรื่องนี้ที่ว่า ทุกๆ 7 ปี ความรักมักมีการเปลี่ยนแปลง นั่นเอง
วงรอบดาวเสาร์นี้ส่งผลครั้งแรกต่อคนเรา ตอนอายุ 7 ปี ในวัยนี้ เด็กจะเริ่มต้นเข้าสู่ชั้นประถมศึกษา เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งแรกในชีวิตเด็ก เพราะต้องเข้าสู่ระเบียบวินัยของโรงเรียน ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับเพื่อนๆในห้องเรียน
พออายุ 14 ปี เป็นช่วงวัยรุ่น เกิดพัฒนาการทางร่างกายจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ เด็กหลายคนเกิดความรู้สึกสับสนว่าควรประพฤติอย่างไร เด็กวัยนี้ต้องการเป็นอิสระจากพ่อแม่ ต้องการเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ ต้องการให้เพื่อนๆยอมรับความสำคัญของเขา เป็นวัยที่พ่อแม่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะเด็กอาจเดินหลงทางได้ง่าย
เมื่ออายุย่างเข้า 21 ปี ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นวัยที่เรียนจบระดับปริญญาตรี กำลังเปลี่ยนแปลงตนเองจากนักเรียนนักศึกษา มาเป็น คนเริ่มทำงาน ที่ต้องหาเงินเลี้ยงตนเอง ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่อย่างเดียวเหมือนที่เคยเป็นมา คนวัยนี้ต้องปรับเปลี่ยนตนเองก้าวสู่โลกของผู้ใหญ่เต็มตัว อย่างไรก็ตาม ช่วงอายุ 21-29 ปีนี้ ยังเป็นการทดลองเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น เพราะคนวัยนี้มักมีโอกาสทดลองทำโน่นนี่นั่น โดยยังไม่มีอะไรเป็นภาระผูกมัดให้เกิดห่วงต่างๆ
ดาวเสาร์จะโคจรกลับมาตำแหน่งเดิมเช่นเดียวกับที่เราเกิดเมื่อคนเราอายุราว 29 ปี ภาษาโหรเรียกกันว่า เสาร์จรทับเสาร์กำเนิด วัยนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต บ้างก็เปลี่ยนงานที่ทำ บ้างก็แต่งงานลงหลักปักฐาน บ้างก็ค้นพบเส้นทางชีวิตของตนเอง โดยรวมแล้ว ณ วัยนี้ คนเราจะถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และพอจะกล่าวได้ว่าเป็นวัยที่ก้าวมาเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว เริ่มมีภาระ มีสิ่งให้คอยห่วง ส่วนใหญ่แล้วมักไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นอิสระอย่างที่เคยผ่านมาได้อีก อันที่จริง วัยนี้ควรระมัดระวังมากกว่าความเชื่อเรื่องวัยเบญจเพสตอนอายุ 25 ปีเสียอีก
ถัดจากวัยนี้แล้ว ดาวเสาร์ยังคงทำงานตามธรรมชาติของมันทุกๆ 7 ปี จนกระทั่งจะวนกลับมาตำแหน่งตอนเราเกิดอีกครั้งเมื่อเราอายุราวๆ 58 ปี ซึ่งเป็นช่วงใกล้วัยเกษียณของคนทำงาน เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งของชีวิต ที่เปลี่ยนจากวัยทำงาน เข้าสู่วัยชรา
โหราศาสตร์สมัยใหม่ ไม่ได้มองว่าดาวเสาร์เป็นดาวร้ายแต่เพียงด้านเดียว แต่มองว่า เป็นธรรมชาติของชีวิตที่จะต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยความรู้เรื่องวงรอบดาวเสาร์ที่เล่ามาข้างต้น เราสามารถนำไปใช้ด้วยการเตรียมตัวให้พร้อมตามจังหวะรอบของดาวเสาร์ที่มาทำมุมในแต่ละช่วงของชีวิต นั่นหมายถึง ยอมรับว่าชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เราไม่สามารถยึดติดกับสถานะที่เราเคยเป็นไปได้ตลอดกาล เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม หากเราไปยึดติด ก็ย่อมพบกับความทุกข์ เคล็ดลับสำคัญเมื่อเจอกับดาวเสาร์ นั่นคือ การปล่อยวางกับอดีต ทำความเข้าใจกับปัจจุบัน และเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่สดใสต่อไป