วิโรจน์ กรดนิยมชัย
7 พฤศจิกายน 2552
สมัยที่ผมเป็นเด็กๆนั้น จะมีคำถามที่ถูกใช้สอนคนไทยในสมัยนั้น (ช่วงที่ประเทศไทยแพ้คดีและต้องเสียประสาทเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา ) เป็นอย่างมากเรื่องหนึ่ง คือ สีอะไรที่คนไทยเกลียดที่สุด ....... คงไม่ต้องเฉลยคำตอบว่า สีอะไร คนไทยในรุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไปจะเข้าใจกันได้ดี
และเมื่อย้อนไปในประวัติศาสตร์ ก็จะพบว่า ผู้ปกครองกัมพูชาในอดีต จนถึงปัจจุบัน หลายคนยังคงมีนิสัย และพฤติกรรม เหมือนกัน คือ ช่วงเวลาที่กัมพูชา หรือเขมร มีปัญหาวิกฤติการณ์ก็จะเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจากพระมหากษัตริย์ของไทยให้ช่วยเหลือนำทัพไปขับไล่ศัตรูของเขมร แต่เมื่อใดก็ตามที่ประเทศไทยมีเหตุวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามกับพม่า หรือความไม่สงบภายใน ประเทศ ผู้นำเขมร ก็จะหาเหตุ เขามารุกราน ก่อกวนประเทศไทยทุกครั้ง และพอประเทศไทยสงบสุข แข็งแกร่งดี ผู้นำเขมรก็จะเข้ามาสิโรราบสวามิภักดิ์ทุกครั้ง
บทความนี้ ผมอยากเสนอความเห็นในทางโหราศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ผ่านบทบาทของ ฮุนเซน ผู้นำปัจจุบันของกัมพูชา และเพื่อให้เห็นภาพในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เขมร ผมจึงค้นหาบทความ เขมร สันดานเนรคุณ และ บทความ ประวัติศาสตร์2 ทางพระยาละแวกอาจไม่ได้ถูกพระนเรศวรปฐมกรรม (บันทึกของสเปน) มาเป็นส่วนหนึ่งของบทความนี้ด้วย
เขมร สันดานเนรคุณ ....
http://www.bandhit.com/History/History.html
เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๗๕ ในรัชสมัยพระมหาจักรพรรดิ ( ช่วงเปลี่ยนแผ่นดินจากพระชัย ราชามาเป็นพระเทียรราชา หรือพระมหาจักรพรรดิ ) กรุงหงสาวดีได้ยกทัพมาตีไทย ฝ่ายเขมรพระยาละแวกเห็นได้ทีจึงยกทัพเข้ามาทางปราจีนบุรีกวาดต้อนผู้คน กลับไปเขมรจำนวนมาก หลังจากพม่ายกทัพกลับไปสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรง พิโรธมาก จึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปถึงเมืองพระตะบองและละแวก พระยาละแวก เห็นท่าจะแพ้ในการศึกจึงมีราชสาสน์มากราบทูลพระมหาจักรพรรดิ จับใจความได้ว่า ข้าพระองค์ผู้ปกครองกัมพูชา มิได้เกรงพระบรมเดชานุภาพที่ไปกวาดต้อน คนจากปราจีนบุรี ขออย่าทรงพิโรธยกทัพมาตีเมือง ข้าพเจ้าจะนำเครื่องราชบรรณาการมาถวาย และเป็นข้าพระบาทตราบชั่วกัลปวสาน
หลังจากนั้น ๓ วันพระยา ละแวกได้นำเครื่องราชบรรณาการพร้อมด้วยนักพระสุโทและนักพระสุทันเป็นราชบุตร มาเข้าเฝ้า ทางพระมหาจักรพรรดิก็ทรงคลายพิโรธและขอนำโอรสทั้งสองไปเลี้ยง ดู พระยาละแวกก็ยอมจากนั้นก็กวาดต้อนคนชาวปราจีนบุรีกลับคืนมาฝั่งไทย ต่อมาไม่นาน ญวณได้ยึดเมืองละแวก ไทยจึงส่งกองทัพไปช่วยเพื่อตีเมืองคืนแต่ทำไม่สำเร็จ
ในปี พ.ศ. ๒๑๑๓ รัชสมัยพระมหาธรรมราชาหลังจากที่ไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว พระยาละแวกจากเขมรได้ถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองนครนายก(ทั้งที่เคยให้สัจจะว่าจะขอเป็นข้าพระบาทกษัตริย์ไทยชั่วกัลปาวสาน) พระมหาธรรมราชาจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปปราบ ให้ทหารนำปืนจ่ารงค์ยิงไปถูกพระจำปาธิราชของเขมรตายคาที่บนคอช้าง ทัพของเขมรถอยกลับไปแต่ก็ย้อนกลับมาปล้นเมืองอีกหลายครั้ง นอกจากนี้พระยาละแวกยังนำทัพมากวาดต้อนผู้คนแถวจันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรากลับไปเขมรจำนวนมาก ด้วยความคดในข้องอในกระดูกพระยาละแวกได้ยกทัพมาถึงปากน้ำพระประแดงโจมตีเมืองธนบุรีจับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็นเชลยจำนวนมาก เลยได้ใจรวบรวมคนหมายจะตีกรุงศรีอยุธยา แต่งทัพเรือ ๓๐ ลำเข้าปล้นบ้านนายก่าย แต่โชคไม่ดีถูกปืนใหญ่ของไทยยิงตายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเขมรแตกทัพหนีกลับไปทางพระประแดง (หนีไม่หนีเปล่ายังกวาดต้อนผู้คนแถวสาครบุรีกลับไปอีกด้วย ..... เลวจริงๆ )
ในปี พ.ศ. ๒๑๒๙ พระยาละแวกเห็นว่าไทยกำลังสู้ศึกหงสาวดีอยู่ จึงฉวยโอกาสยกทัพเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสว่า พระยาละแวกตบัตสัตย์อีกแล้ว จึงต้องยกไปปราบให้ราบคราบ ผลการศึกกองทัพไทยไล่ตีเขมรไปจนสุดชายแดน ทหารเขมรล้มตายจำนวนมาก
ในปี พ.ศ. ๒๑๓๒ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรครองราชย์ ทรงปรึกษาข้าราชการว่ากษัตริย์เขมรมีใจคิดไม่ซื่อเหมือนพระยาละแวก ชอบซ้ำเติมไทยในยามศึกกับพม่า จึงทรงมีพระราชดำริที่จะยกทัพไปแก้แค้นเอาโลหิตมาล้างพระบาท ทรงจัดกองทัพให้ไปตีเมืองปัตบอง เมืองโพธิสัตว์ แล้วเข้าล้อมเมืองละแวกเอาไว้ ทรงล้อมเมืองนานถึง ๓ เดือนยังตีไม่ได้ เสบียงอาหารเริ่มลดน้อยลงจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยาไปก่อน แล้วจะเตรียมการมาตีในภายหน้า
พ.ศ. 2119 - พ.ศ. 2137: นักพระสัตถา (พระยาละแวกในพงศาวดารไทย)
พ.ศ. 2137 สยามตีเมืองละแวกแตก แต่ยังคงมีกษัตริย์ปกครองกัมพูชาต่อไป
บทความ ประวัติศาสตร์2 ทางพระยาละแวกอาจไม่ได้ถูกพระนเรศวรปฐมกรรม (บันทึกของสเปน)
โดย boi9999 http://atcloud.com/stories/21881
ข้อมูลที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้มีเจตนาให้เห็นประวัติศาสตร์2 ทางเป็นบทความของ ศาสตราจารย์ ขจร สุขพานิช ซึ่งเป็นการค้นคว้าและวิจัยประวัติศาสตร์ในรัชสมัย พระนเรศวร โดยที่รายละเอียดทั้งหมดในบทความนี้ เป็นการวิเคราะห์การสงครามระหว่าง พระนเรศวร (พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา) กับ พระยาละแวก (พระเจ้าแผ่นดินกรุงกัมพูชา) ซึ่งแตกต่างไปจากความรับรู้ทางประวัติศาสตร์แบบเดิมๆที่ว่า พระนเรศวร ได้ทรงกระทำพิธีปฐมกรรมต่อ พระยาละแวก
(นำพระโลหิตของ พระยาละแวก มาล้างพระบาทของ พระนเรศวร ) แต่บทความชิ้นนี้ของ ศาสตราจารย์ ขจร สุขพานิช ได้ชี้ให้เห็นว่า พระนเรศวร ไม่ได้ทรงกระทำพิธีปฐมกรรมต่อ พระยาละแวก เนื่องจาก พระยาละแวก ได้ทรงหลบหนีออกจากพระนครละแวกธานี ก่อนที่พระนเรศวรจะบุกยึดนครละแวกธานี ซึ่งอาจารย์ ขจร สุขพานิช ได้นำหลักฐานของสเปนมาวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ช่วงนี้มิได้มีเจตนาลบหลู่แต่ประการใด
ฮุนเซน
เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2494 จาก http://th.wikipedia.org/ ไม่มีเวลาเกิด ผมจึงปรับดวงชะตาหาเวลาเกิดจากเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของ ฮุนเซน คือ
เหตุการณ์ที่ 1 : การแต่งงานครั้งแรก เมื่อ 5 มกราคม 2519 ฮุนเซนถูกจับให้แต่งงานหมู่รวม 13 คู่เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2519 ในวัย 25 ปี เจ้าสาวชื่อบุญ สมเอียง มีพยานรัก 4 คน แต่เขาไม่มีโอกาสเห็นหน้าลูกคนแรกเพราะหนีการไล่ล่าของเขมรแดง
เหตุการณ์ที่ 2 : สมเด็จฮุน เซนได้รับการสถาปนาบรรดาศักดิ์ จากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี เป็น สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน เมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2550
อมาวสี เดือนตุลาคม 2550 ที่ฮุนเซนได้รับโปรดเกล้าฯจากกษัตริย์กัมพูชาให้เป็นสมเด็จฮุนเซน
(อาทิตย์ / โครโนส) จรอมาวสี = เมอริเดียนกำเนิด เจ้าชะตาได้รับการโปรดเกล้าฯ
ผมใช้ตำแหน่งนี้ในการปรับดวงชะตาเพื่อหาเวลาเกิดของฮุนเซน โดยปรับเทียบกับวันที่ฮุนเซนแต่งงานครั้งแรก 5 มกราคม 2519
รัฐบาลหุ่น เมื่อเริ่มได้รับการแต่งตั้ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า ฮุนเซน สามารถต่อสู้ชนะเขมรแดงได้นั้น ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเวียดนามในขณะนั้น จึงทำให้ บุญคุณของเวียดนามยังมีอย่างล้นเหลือจนถึงทุกวันนี้ (ฮุนเซนจะไม่กล้าแสดงบทบาทที่แข็งกร้าวต่อรัฐบาลเวียดนามในทุกกรณี) ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อ 14 มกราคม 2528 ซึ่งเท่ากับว่า ฮุนเซนเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของเวียดนามในขณะนั้น
14 มกราคม 2528 ฮุนเซนได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก : รัฐบาลหุ่นเชิด
อังคาร + พลูโต เนปจูน = เมอริเดียน ในดวงกำเนิด(วงในสุด) เจ้าชะตาเกิดมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดให้แก่ผู้อื่น
อังคาร + พลูโต เนปจูน = เมอริเดียน ในดวงจร (วงนอกสุด) วันที่เจ้าชะตาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นหุ่นเชิดให้แก่ผู้อื่น
แสดงว่า เขาเกิดมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดอย่างแท้จริงในดวงกำเนิด และได้เป็นรัฐบาลหุ่น ณ วันเวลาที่ดวงชะตาจรบอกว่า วันที่ 14 มกราคม 2528 มีการแต่งตั้งรัฐบาลหุ่น ขึ้นในโลกใบนี้ หรือหากมีการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญใดๆ ก็ตาม ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในวันนั้นจะเป็นเพียงตัวแทน หรือ หุ่นเชิด หาใช่ตัวจริงไม่
พระยาละแวกยุค ดิจิตอล กับการให้สัมภาษณ์ ณ วันประชุมอาเซียนซัมมิต ที่หัวหิน
วันที่ 23 ตุลาคม 2552 ที่ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ ไม่ส่งตัวทักษิณให้ประเทศไทย ในการประชุมอาเซียนที่หัวหิน
รูปดวงชะตาด้านบน
. สมการที่ 1
(อังคาร + พลูโต เนปจูน) จร = อาทิตย์ v1 เจ้าชะตาแสดงพฤติกรรมของการเป็นหุ่นเชิด
รูปดวงชะตาด้านล่าง ................. สมการที่ 2
(พุธ + มฤตยู อังคาร) จร = อาทิตย์ v1 เจ้าชะตาพูดจายุยงเพื่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง
เมื่อสมการที่ 1 = สมการที่ 2 คือ ต่างก็เท่ากับ อาทิตย์ v1 นั่นหมายความว่า
(อังคาร + พลูโต เนปจูน) จร = (พุธ + มฤตยู อังคาร) จร = อาทิตย์ v1
การพูดจายั่วยุเพื่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงนั้น เป็นพฤติกรรมที่ฮุนเซนหาได้กระทำในฐานะส่วนตัวไม่ แต่ได้กระทำ และพูดในฐานะหุ่นเชิดของบุคคลอื่น
ประเทศไทยควรดำเนินการอย่างไรกับ พระยาละแวกยุคดิจิตอล
ปรัชญา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน
จากเหตุการณ์ในอดีตถึงปัจจุบันจะพบว่า ผู้นำกัมพูชาไม่เคยเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติต่อไทยเลย ผู้นำกัมพูชาหลายคน พยายามหาช่วงเวลาที่ประเทศไทยมีปัญหาในด้านอื่น แล้วฉวยโอกาสโจมตีประเทศไทย ตลอดเวลา บทเรียนในอดีตที่พระมหากษัตริย์ของไทยได้ตอบโต้เขมรนั้น ยังเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าที่ผู้นำไทยในยุคปัจจุบัน และในอนาคต พึงยึดถือและปฏิบัติด้วยความรอบคอบ และปรับใช้ตามยุคสมัย เพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีต่อประเทศไทยนำไปใช้ประโยชน์ได้ และควรสอนบทเรียนให้แก่ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ให้รู้จักกาลเทศะ และเคารพความเป็นเอกราช และอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
ตราบใดที่การแก้ปัญหา ความไม่สงบภายในประเทศ ยังไม่สำเร็จลุล่วง ผู้นำกัมพูชาก็จะเหิมเกริมเช่นนี้ตลอดเวลา แนวทางแก้ปัญหาหนึ่งก็คือ ผู้นำเขมรในอดีตจะไม่กล้าแสดงบทบาทแข็งกร้าวต่อประเทศไทย หากประเทศไทยมีความสงบ สันติสุข นี่คือ โจทย์ยากข้อใหญ่ที่คนไทยทั้งประเทศต้องการ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาต่างๆเพื่อให้สถานการณ์ภายในประเทศมีความสงบ เรียบร้อย เมื่อนั้น ผู้นำกัมพูชายุคดิจิตอลก็จะกลับมาสารภาพผิด และยอมสวามิภักดิ์ต่อประเทศไทย เหมือนเช่นที่พระยาละแวก เคยกระทำมาแล้วในอดีต
ข้อมูลประกอบอื่นๆที่อาจจะไม่ได้กล่าวถึงที่มานั้น ได้มาจาก เว็บ : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org/